by โจน คาลอส
ในปี 1971 ปัญหาในไอร์แลนด์เหนือทวีความรุนแรงจนทำท่าว่าจะเป็นอันตรายต่อฉันและลูก ๆ 6 คนมากขึ้นเรื่อย ๆ เราฟังวิทยุและได้ยินเรื่องความทุกข์ยากลำบากที่สะพรึงกลัวทุกวัน และเรื่องน่าสะพรึงกลัวของพวกเราก็เกิดขึ้นในคืนที่ฉันถูกมือปืนสองคนทำร้าย คนหนึ่งตีฉันพร้อมกับถามหาที่อยู่ของใครสักคน ถึงแม้เวลานั้นฉันยังไม่ได้เป็นคริสเตียน แต่ฉันก็อธิษฐานในใจขอให้พระเจ้าช่วยฉัน
พระเจ้าทรงพระเมตตา
เสียงร้องไห้ของลูกสาวแรกเกิดที่อยู่ในเปลดึงความสนใจของมือปืนคนนั้นไป จากฉัน เปลของเธออยู่ด้านหลังประตูห้องนอน พ้นจากสายตาของพวกเขา
“เฮ้ ดูนั่นสิ” มือปืนคนนั้นพูด “ที่นี่มีเด็กด้วย ไปดูซิว่ามีอีกมั้ย”
“บ้านนี้มีแต่เด็ก ๆ เต็มไปหมด” มือปืนอีกคนอุทานด้วยความงุนงง
“เฮ้ย งั้นไปเหอะ ปล่อยเธอไว้” มือปืนคนแรกออกคำสั่ง
พวกเขาจากไป และฉันร้องไห้เพราะรู้ว่าพระเจ้าทรงเมตตาพวกเรา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราย้ายไปอังกฤษทันที
มองหาสันติสุข
ฉันมองหาสันติสุข แต่ฉันรู้ว่าฉันใช้ชีวิตที่หลอกลวง ผู้ชายที่ฉันอยู่ด้วยเป็นคนโหดร้าย โดยเฉพาะเวลาเมา เขาทำร้ายฉันกับลูก ๆ บ่อย ๆ ฉันกลายเป็นคนซึมเศร้า จนวันหนึ่งฉันดื่มเหล้าจนเมา และกระโดดตัดหน้ารถยนต์ ฉันต้องเข้าโรงพยาบาล กะโหลกศีรษะร้าว มันส่งผลกระทบต่อการทรงตัวของฉัน และฉันสูญเสียการดมกลิ่นไปทั้งหมด ชีวิตของฉันพังป่นปี้
สามีที่ไม่ได้จดทะเบียนของฉันลงเอยด้วยการเข้าคุก ทำให้ฉันกับลูก ๆ ได้เป็นอิสระ แต่เขาใกล้จะถูกปล่อยตัวแล้ว ฉันเริ่มหวาดกลัวว่าเขาจะพยายามทำร้ายลูกของฉันอีก ฉันรู้สึกจนตรอก เพราะว่าฉันกำลังตั้งท้องลูกของเขา ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือฉันป่วยหนักหลังจากคลอดลูก แล้วก็ต้องเข้าโรงพยาบาล
นิมิตที่น้อยคนจะได้เห็น
เย็นวันหนึ่ง ขณะอยู่ในโรงพยาบาล ฉันได้เห็นนิมิตที่น้อยคนจะได้เห็น ฉันเห็นเทียนสีทองเจ็ดเล่มอยู่บนแท่นบูชาสีขาว ห้องนั้นมีแสงสว่างสุกใส แล้วทันใดนั้นฉันก็เดินผ่านอุโมงค์ที่แคบและมืด มีคนถือเทียนติดไฟอยู่ข้าง ๆ ฉัน แต่ฉันมองไม่เห็นว่าเป็นใคร ฉันจำได้ว่าฉันพูดว่า “ฉันตายแล้วใช่ไหม? ฉันจะทำยังไงดี?” เสียงหนึ่งตอบว่า “จงเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า แล้วเจ้าจะรอดได้ทั้งครอบครัวของเจ้าด้วย”
“แต่ฉันรู้จักพระเยซูอยู่แล้วนี่” ฉันร้อง
“พวกผีก็รู้และกลัวจนตัวสั่น” เสียงจริงจัง ตอบกลับมา
“โอ พระเจ้า ถ้ามารร้ายรู้เหมือนที่ข้าพระองค์รู้ และนั่นยังไม่ช่วยให้มันหรือข้าพระองค์รอด แล้วอะไรล่ะที่ช่วยได้?” “เชื่อวางใจ” เป็นคำตอบสุดท้าย
ฉันตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นั่น แต่ข้าพระองค์ไม่เคยเชื่อวางใจพระองค์ด้วยทั้งชีวิตของข้าพระองค์เลย โปรดประทานโอกาสให้ข้าพระองค์อีกครั้งด้วยเถิด”
พบสันติสุขในที่สุด
ประสบการณ์ครั้งนั้นจบลงด้วยการที่พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ในแสงสลัว และทรงวางเทียนที่กำลังมอดลง
หลังจากนั้น ฉันก็ได้สัมผัสสันติสุขซึ่งฉันปรารถนามาตลอดชีวิต ความกลัวทั้งหมดหายไป ในที่สุดฉันก็ได้พบความรักซึ่งฉันโหยหามาตั้งแต่เด็ก
พระเจ้าทรงสัญญาว่าพระองค์จะไม่มีวันละทิ้งเรา ฉันรู้ว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งฉัน เราแต่ละคนจำเป็นต้องแสวงหาพระเจ้าด้วยตัวเอง พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถรักเราอย่างเต็มที่และไม่มีเงื่อนไข และประทานพลังเปลี่ยนชีวิตแก่เรา
ขอให้คุณลองมองดูชีวิตของคุณ คุณจะบรรยายชีวิตของคุณว่าอย่างไร? พึงพอใจ? เร่งรีบ? ตื่นเต้น? เครียด? มุ่งไปข้างหน้า? พะวักพะวง? สำหรับพวกเราหลายคน ชีวิตเป็นเหมือนทั้งหมดที่กล่าวมาในบางช่วงบางเวลา มีหลายสิ่งที่เราฝันว่าสักวันจะได้ทำ และมีหลายสิ่งที่เราอยากจะลืม พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเยซูเสด็จมาเพื่อทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นสิ่งใหม่ ชีวิตคุณจะเป็นอย่างไร ถ้าคุณสามารถเริ่มต้นใหม่หมดโดยไม่มีความผิดในอดีตติดตัว?
อยู่อย่างมีความหวัง
ถ้าคุณกำลังมองหาสันติสุข มีหนทางหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตคุณสมดุล ไม่มีใครสามารถเป็นคนดีพร้อมไร้ที่ติ หรือมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเราทุกคนมีโอกาสที่จะสัมผัสพระคุณที่สมบูรณ์ ผ่านทางความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์
คุณสามารถรับพระเยซูคริสต์ได้เดี๋ยวนี้ด้วยการอธิษฐานโดยความเชื่อ การอธิษฐานคือการสนทนากับพระเจ้า พระเจ้าทรงทราบจิตใจของคุณ และพระองค์สนพระทัยท่าทีในจิตใจ มากกว่าถ้อยคำที่คุณอธิษฐาน ต่อไปนี้เป็นคำอธิษฐานที่เราขอแนะนำ
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ข้าพระองค์ต้องการรู้จักพระองค์เป็นส่วนตัว ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อความผิดบาปของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอเปิดประตูชีวิตต้อนรับพระองค์ และขออัญเชิญพระองค์เข้ามาอยู่ในชีวิต ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดและองค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดครอบครองชีวิตของข้าพระองค์ ขอขอบพระคุณที่ทรงโปรดยกโทษความผิดบาปของข้าพระองค์ และประทานชีวิตนิรันดร์แก่ข้าพระองค์ โปรดสร้างข้าพระองค์ให้เป็นคนแบบที่พระองค์ต้องการเถิด อาเมน
คำอธิษฐานนี้ตรงกับความปรารถนาในจิตใจคุณหรือไม่? คุณสามารถอธิษฐานได้เดี๋ยวนี้ และพระเยซูคริสต์จะเสด็จเข้ามาในชีวิตของคุณ ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้
คุณสามารถมีชีวิตแบบนี้ได้ไหม?
ถ้าคุณได้อัญเชิญพระคริสต์เข้ามาในชีวิตแล้ว ให้คุณขอบพระคุณพระเจ้าบ่อย ๆ ที่พระองค์ทรงอยู่ในชีวิตคุณ ที่พระองค์จะไม่มีวันทิ้งคุณ และที่คุณมีชีวิตนิรันดร์แล้ว เมื่อคุณเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับพระเจ้า และเรียนรู้ว่าพระองค์ทรงรักคุณมากเพียงไร คุณก็จะสัมผัสชีวิตที่ครบบริบูรณ์เต็มเปี่ยม