by ซู สจวร์ต
ฉันเคยดำเนินชีวิตทั้งชีวิตตามเสื้อยืดซึ่งเขียนว่า “บาสเก็ตบอลคือชีวิต ที่เหลือคือเรื่องปลีกย่อย”
ในที่สุดฉันก็มาถึงจุดสูงสุดของอาชีพนักบาสเก็ตบอล สุดท้ายความเสียสละ การฝึกซ้อมอย่างหนัก และความเพียรพยายามก็ให้ผลตอบแทนแก่ฉัน ฉันกำลังจะไปแข่งโอลิมปิก 1996 เราเป็นตัวแทนประเทศแคนาดาเข้าแข่งขันกับสุดยอดทีมของโลกเพื่อพยายามคว้า เหรียญทอง เรื่องมันก็เป็นแบบนั้น
ฉันคิดว่าบาสเก็ตบอลจะช่วยดูแลความไม่มั่นใจทั้งหลายแหล่ของฉัน ฉันบูชาบาสเก็ตบอล การบูชาอะไรบางอย่างก็คือการ “ให้คุณค่าแก่สิ่งนั้นอย่างใหญ่หลวง” ฉันเป็นคนสำคัญก็เพราะฉันเล่นบาสเก็ตบอล ฉันเป็นที่ยอมรับ บาสเก็ตบอลคือตัวตนของฉัน มันเป็นสิ่งที่ฉันพึ่งพาได้ในทุกเรื่อง – มันจะไม่มีวันทำให้ฉันผิดหวัง มันจะคอยช่วยฉันเสมอ ฉันไว้ใจบาสเก็ตบอล มันกลายเป็นพระเจ้าของฉัน
สองสัปดาห์ก่อนแข่งโอลิมปิก ฉันบาดเจ็บที่หัวเข่า ฉันต้องนั่งข้างสนาม ดูทีมของฉันต่อสู้ดิ้นรนในการแข่งโอลิมปิก ในขณะที่ตัวฉันมีแต่ด้วยความรู้สึกผิดหวังและท้อแท้ ความใฝ่ฝันของฉันกลายเป็นฝันร้ายไปเสียแล้ว
หลังจากการแข่งขันครั้งนั้น ชีวิตของฉันในด้านอื่น ๆ ก็พังทลายลงตามมา ฉันสูญเสียโค้ชของฉัน ฉันโกรธโลก ฉันเปลี่ยนจากคนที่ชอบให้กำลังใจและปลุกใจคนอื่น กลายเป็นคนเย็นชาซึ่งฉันเองก็ไม่ค่อยชอบ ในปี 1997 ฉันตัดสินใจกลับสู่ทีมชาติ โดยหวังว่าจะกอบกู้ตัวเองจากประสบการณ์โอลิมปิกอันเลวร้าย ทีมของเราต้องเล่นรอบคัดเลือกเพื่อไปแข่งชิงแชมป์โลก มันเป็นฤดูร้อนที่น่าผิดหวังอีกครั้ง – เราเล่นได้ไม่ดีพอ และไม่ผ่านรอบคัดเลือก
สิ่งดีอย่างเดียวที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนนั้นก็คือ เมื่อเพื่อนร่วมทีมของฉันเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ที่เธอได้รับจากคณะนักกีฬา Athletes in Action ฉันจึงตัดสินใจไปทัวร์ฤดูใบไม้ร่วงในสหรัฐฯกับ Athletes in Action และ Athletes in Action นี่เองที่ช่วยให้ฉันเรียนรู้ว่าการมีความสัมพันธ์กับพระเยซูหมายความว่าอะไร ฉันได้รู้ตัวว่าที่ผ่านมาฉันบูชาสิ่งที่ถูกสร้าง แทนที่จะบูชาพระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่ง ฉันสร้างชีวิตของฉันขึ้นมาบนสิ่งที่ฉันอาจสูญเสียมันไปได้ง่าย ๆ ฉันต้องการบางสิ่งที่มั่นคงถาวร
พระเยซูตรัสว่า “ผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลาซึ่งตั้งมั่นคง ส่วนผู้ที่โง่เขลาสร้างเรือนของตนไว้บนทราย ซึ่งจะพังทลายลง” ในกีฬาบาสเก็ตบอล บางครั้งนักบาสก็เรียกลูกบอลว่า “เดอะร็อค” ซึ่งแปลว่าศิลา แต่บาสเก็ตบอลไม่ใช่ศิลาที่มั่นคง ฉันได้เรียนรู้ว่าบางครั้งวิธีที่พระเจ้าใช้ดึงความสนใจเราก็คือ การสำแดงให้เราเห็นว่าเราจัดลำดับความสำคัญผิดพลาด พระองค์ตรัสถามว่า “เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร” แน่นอน การติดทีมโอลิมปิกเป็นเรื่องดี แต่ชีวิตมีอะไรมากกว่านั้น
ที่ผ่านมาฉันเคยสร้างชีวิตบน “เดอะร็อค” คือบาสเก็ตบอล เพียงเพื่อจะพบว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่ศิลา แต่เป็นทรายอ่อนยวบ เวลานี้ฉันไม่สร้างชีวิตบนบาสเก็ตบอลอีกแล้ว พระเยซูคริสต์คือศิลาที่แท้จริง พระองค์ทรงเป็นรากฐานที่ไม่มีทางหวั่นไหว พระเยซูคริสต์คือชีวิตของฉัน
ขอให้คุณลองมองดูชีวิตของคุณ คุณจะบรรยายชีวิตของคุณว่าอย่างไร? พึงพอใจ? เร่งรีบ? ตื่นเต้น? เครียด? มุ่งไปข้างหน้า? พะวักพะวง? สำหรับพวกเราหลายคน ชีวิตเป็นเหมือนทั้งหมดที่กล่าวมาในบางช่วงบางเวลา มีหลายสิ่งที่เราฝันว่าสักวันจะได้ทำ และมีหลายสิ่งที่เราอยากจะลืม พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเยซูเสด็จมาเพื่อทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นสิ่งใหม่ ชีวิตคุณจะเป็นอย่างไร ถ้าคุณสามารถเริ่มต้นใหม่หมดโดยไม่มีความผิดความผิดในอดีตติดตัว?
อยู่อย่างมีความหวัง
ถ้าคุณกำลังมองหาสันติสุข มีหนทางหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตคุณสมดุล ไม่มีใครสามารถเป็นคนดีพร้อมไร้ที่ติ หรือมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเราทุกคนมีโอกาสที่จะสัมผัสพระคุณที่สมบูรณ์ ผ่านทางความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์
คุณสามารถรับพระเยซูคริสต์ได้เดี๋ยวนี้ด้วยการอธิษฐานโดยความเชื่อ การอธิษฐานคือการสนทนากับพระเจ้า พระเจ้าทรงทราบจิตใจของคุณ และพระองค์สนพระทัยท่าทีในจิตใจ มากกว่าถ้อยคำที่คุณอธิษฐาน ต่อไปนี้เป็นคำอธิษฐานที่เราขอแนะนำ
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ข้าพระองค์ต้องการรู้จักพระองค์เป็นส่วนตัว ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อความผิดบาปของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอเปิดประตูชีวิตต้อนรับพระองค์ และขออัญเชิญพระองค์เข้ามาอยู่ในชีวิต ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดและองค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดครอบครองชีวิตของข้าพระองค์ ขอขอบพระคุณที่ทรงโปรดยกโทษความผิดบาปของข้าพระองค์ และประทานชีวิตนิรันดร์แก่ข้าพระองค์ โปรดสร้างข้าพระองค์ให้เป็นคนแบบที่พระองค์ต้องการเถิด อาเมน
คำอธิษฐานนี้ตรงกับความปรารถนาในจิตใจคุณหรือไม่? คุณสามารถอธิษฐานได้เดี๋ยวนี้ และพระเยซูคริสต์จะเสด็จเข้ามาในชีวิตของคุณ ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้
คุณสามารถมีชีวิตแบบนี้ได้ไหม?
ถ้าคุณได้อัญเชิญพระคริสต์เข้ามาในชีวิตแล้ว ให้คุณขอบพระคุณพระเจ้าบ่อย ๆ ที่พระองค์ทรงอยู่ในชีวิตคุณ ที่พระองค์จะไม่มีวันทิ้งคุณ และที่คุณมีชีวิตนิรันดร์แล้ว เมื่อคุณเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับพระเจ้า และเรียนรู้ว่าพระองค์ทรงรักคุณมากเพียงไร คุณก็จะสัมผัสชีวิตที่ครบบริบูรณ์เต็มเปี่ยม