มันอาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ – คนอื่นขับรถปาดหน้าคุณ เพื่อนในห้องเรียนสบประมาทคุณ สามีคุณลืมมารับคุณ – แต่คุณก็ก่นด่าและโวยวายทันที หรือบางทีคุณอาจถูกชักนำให้กระทำหรือมีท่าทีอย่างอื่น เช่นนินทา หรือขมขื่นใจ ซึ่งทำให้คุณละสายตาจากพระเจ้า
ท่าทีและการกระทำจำพวกนี้เรียกว่า “บาป” คำว่า “บาป” สื่อถึงการไปไม่ถึงเป้า หรือพลาดเป้า เมื่อเราทำสิ่งที่เราอยากทำแทนที่จะทำสิ่งที่พระเจ้าต้องการ เราก็ทำบาป เมื่อนิสัยและท่าทีเก่า ๆ แอบกลับมา ขอให้คุณอย่าท้อใจ คุณยังคงเป็นบุตรของพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ความบาปจะรบกวนความใกล้ชิดกับพระเจ้าและการสื่อสารกับพระองค์ มันทำให้เราไม่สามารถสัมผัสความรักของพระองค์
และเราทุกคนทำบาป แม้กระทั่งเมื่อเรามาเป็นคริสเตียนแล้ว นั่นคือเหตุผลที่เราทุกคนจำเป็นต้องรับการอภัยโทษของพระเจ้าในแต่ละวัน
รากฐานสำหรับความรักและการอภัยโทษของพระเจ้า
“ด้วยว่าพระคริสต์ก็ได้สิ้นพระชนม์ครั้งเดียวเท่านั้นเพราะความผิดบาป คือพระองค์ผู้ชอบธรรมเพื่อผู้ไม่ชอบธรรม เพื่อจะได้ทรงนำเราทั้งหลายไปถึงพระเจ้า ฝ่ายกายพระองค์จึงสิ้นพระชนม์ แต่ฝ่ายวิญญาณทรงคืนพระชนม์” (1 เปโตร 3:18)
เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อเรา พระองค์ทรงเปิดทางให้เรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้ การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เปิดโอกาสให้เราสามารถรับการอภัยโทษของพระเจ้าได้ ทุกวัน
“และท่านซึ่งตายแล้วเนื่องด้วยการละเมิดทั้งหลาย และเนื่องด้วยการไม่ได้เข้าสุหนัตในเนื้อหนังของพวกท่าน พระเจ้าทรงทำให้พวกท่านมีชีวิตร่วมกับพระคริสต์ และทรงให้อภัยการละเมิดทั้งหลายของเรา พระองค์ทรงฉีกเอกสารหนี้ที่มีคำสั่งต่าง ๆ ซึ่งต่อสู้และขัดขวางเรา และทรงขจัดไปเสียโดยตรึงไว้ที่กางเขน” (โคโลสี 2:13-14)
ในสมัยที่พระคัมภีร์ตอนนี้เขียนขึ้น คำว่า “เอกสารหนี้” หมายถึงรายการแจกแจงความผิด ซึ่งนักโทษถูกตัดสินว่าเขาได้กระทำ มันจะถูกตอกไว้ที่ประตูห้องขัง หลังจากมีการรับโทษตามคำตัดสินนั้นแล้ว หรือมีการชดใช้หนี้นั้นแล้ว นักโทษคนนั้นก็สามารถใช้การยกเลิก “เอกสารหนี้” ดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าไม่มีใครจะเอาเขาไปฟ้องร้องเพราะความผิดเหล่านั้นได้ อีกแล้ว
ทำนองเดียวกัน เมื่อเราเชื่อวางใจในการที่พระเยซูทรงชดใช้ความผิดบาปของเรา เราก็จะไม่มีวันถูกฟ้องร้องเพราะความผิดเหล่านั้นอีก พระเจ้าทรงอภัยโทษให้เราอย่างสมบูรณ์แล้ว
“พระองค์มิได้ทรงกระทำต่อเราตามเรื่องบาปของเรา หรือทรงสนองตามบาปผิดของเรา เพราะว่าฟ้าสวรรค์สูงเหนือแผ่นดินเท่าใด ความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อบรรดาคนที่เกรงกลัวพระองค์ก็ใหญ่ยิ่ง เท่านั้น ตะวันออกไกลจากตะวันตกเท่าใด พระองค์ทรงปลดการละเมิดของเราจากเราไปไกลเท่านั้น” (สดุดี 103:10-12)
ลงมือปฏิบัติ
เวลานี้ หรือคืนนี้ก่อนเข้านอน ให้คุณ
o ทูลขอพระเจ้าให้ทรงเปิดเผยความบาปทุกอย่างในชีวิตของคุณ
o เขียนรายการความบาปเหล่านั้นบนแผ่นกระดาษ ขอให้เขียนตามความจริง นี่เป็นเรื่องระหว่างคุณกับพระเจ้าเท่านั้น
o หลังจากเขียนรายการความบาปเสร็จแล้ว ให้คุณเขียนพระสัญญาใน 1 ยอห์น 1:9 ทับรายการนั้น
o ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ประทานการอภัยโทษผ่านทางการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูบนไม้กางเขน
o ฉีกรายการนั้นและโยนมันทิ้งไป
สัมผัสผลที่ตามมา
“ข้าพระองค์สารภาพบาปของข้าพระองค์ต่อพระองค์ และข้าพระองค์มิได้ซ่อนบาปผิดของข้าพระองค์ไว้ ข้าพระองค์ทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะสารภาพการละเมิดของข้าพระองค์ต่อพระเจ้า’ แล้วพระองค์ทรงยกโทษบาปของข้าพระองค์” (สดุดี 32:5)
แล้วถ้าคุณยังรู้สึกผิด ทั้ง ๆ ที่คุณสารภาพบาปไปแล้วล่ะ? ให้คุณยึดถือคำตรัสของพระเจ้า คือพระคัมภีร์ พระคัมภีร์กล่าวว่าคุณได้รับการอภัยโทษแล้ว อย่าพึ่งอารมณ์ความรู้สึก อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณไม่สารภาพบาป มันก็มีเหตุอันสมควรที่คุณจะรู้สึกผิด
คำแนะนำสำหรับการเติบโตต่อไป
ให้คุณพยายามใช้เวลาตามลำพังวันละ 15 นาทีหรือราว ๆ นั้น เพื่อทำความรู้จักพระเจ้ามากขึ้นโดยการอ่านพระคัมภีร์และการอธิษฐาน ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำบางประการ
1. ถ้าคุณยังไม่มีพระคัมภีร์ ขอให้พยายามหาไว้สักเล่ม (ดูบทที่ 1) ขณะเดียวก็ให้เริ่มอ่านพระกิตติคุณยอห์น
2. อ่านเรื่องราวที่พระเยซูทรงเล่าถึงคนหนุ่มที่ออกจากบ้านและผลาญมรดกของตน (ลูกา 15:11-32) เรื่องราวนี้ทำให้เห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าอย่างไร?
3. อ่านกาลาเทีย 5:16-23 และสังเกตว่าการยอมให้พระเจ้าทำงานในชีวิตของคุณ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และเมื่อคุณรู้ตัวว่ามีด้านใดด้านหนึ่งในชีวิตของคุณที่พระเจ้าไม่พอพระทัย ให้คุณจัดการมันตามที่ 1 ยอห์น 1:9 บอกไว้ คุณจะได้สัมผัสความใกล้ชิดกับพระองค์เหมือนเดิมอีกครั้ง
สรุป
เมื่อคุณสารภาพบาปต่อพระเจ้าเป็นประจำ และเชื่อวางใจในการอภัยโทษบาปของพระองค์ คุณก็สามารถสัมผัสความรักของพระองค์ และใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้นทุกวัน