พลังเปลี่ยนชีวิต » บทที่ 4: เติบโตในความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์



เรื่องราวชีวิต

จดหมายแจ้งข่าว

สมัครเป็นสมาชิก เพื่อรับเรื่องราวต่างๆตอนล่าสุด

บทที่ 4: เติบโตในความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์

เมื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำชีวิตของคุณ คุณจะมีประสบการณ์กับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับพระเจ้า และคุณจะมีความสามารถที่จะเชื่อวางใจในพระองค์มากยิ่งขึ้น

การเติบโตในความสัมพันธ์กับพระเยซูหมายความว่าอย่างไร?

การเติบโตในความสัมพันธ์กับพระเยซูหมายถึงการรู้จักพระองค์มากขึ้น รักพระองค์มากขึ้น และเชื่อฟังพระองค์มากขึ้น “และนี่แหละคือชีวิตนิรันดร์ คือที่เขารู้จักพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงใช้มา” (ยอห์น 17:3)

พระเยซูทรงตอบเขาว่า “จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อใหญ่และข้อต้น” (มัทธิว 22:37,38)

(พระเยซูตรัสว่า) “ผู้ใดที่มีบัญญัติของเรา และประพฤติตามบัญญัตินั้น ผู้นั้นแหละเป็นผู้ที่รักเรา และผู้ที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขา และจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา” (ยอห์น 14:21)

กระบวนการตามธรรมชาติที่เด็กพัฒนาความรักความสัมพันธ์กับพ่อแม่เป็น อย่างไร การที่คุณจะพัฒนาความรักความสัมพันธ์กับพระเจ้าก็เป็นอย่างนั้น

คุณจะเติบโตในพระคริสต์ได้อย่างไร? การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมากในทุก ๆ ความสัมพันธ์ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพระคริสต์ด้วย มีการสื่อสารสี่ด้านที่จะช่วยคุณพัฒนาความสัมพันธ์กับพระคริสต์ เมื่อคุณดำเนินชีวิตโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์

2. พระเจ้าทรงสื่อสารกับเราผ่านทางพระคัมภีร์ เพื่อเปิดเผยพระลักษณะและพระประสงค์ของพระองค์แก่เรา “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง” (2 ทิโมธี 3:16,17)

3. เราสื่อสารกับพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน — บอกความคิด ความต้องการของเรา รวมทั้งบอกความปรารถนาที่จะทำตามพระประสงค์ของพระองค์ “อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใด ๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์” (ฟีลิปปี 4:6,7)

“และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา และถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงโปรดฟังเรา เมื่อเราทูลขอสิ่งใด ๆ เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่เราทูลขอนั้นจากพระองค์” (1 ยอห์น 5:14,15)

“จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย” (1 เธสะโลนิกา 5:18) “จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาสำหรับสิ่งสารพัดเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา” (เอเฟซัส 5:20)

4. เราสื่อสารกับพี่น้องคริสเตียนด้วยการสามัคคีธรรม — คือให้กำลังใจและเสริมสร้างกันและกัน “และขอให้เราพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไรจึงจะปลุกใจซึ่งกันและกันให้มีความรัก และทำความดี อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่นั้น แต่จงพูดหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว” (ฮีบรู 10:24,25)

คำภาษากรีกที่แปลว่าการสามัคคีธรรม คือ koinonia แปลว่า “การแบ่งปันสิ่งที่เหมือนกัน” เรามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตคริสเตียนกับคน อื่น ๆ ที่รักพระเจ้าและดำเนินกับพระองค์ เช่นเดียวกัน เราต้องเปิดโอกาสให้เขาแบ่งปันประสบการณ์แก่เราด้วย คริสตจักรซึ่งเราสามารถพบปะพี่น้องคริสเตียนและฟังพระวจนะของพระเจ้า คือสถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดไว้เพื่อให้คริสเตียนพบปะกัน การศึกษาพระคัมภีร์และการพบปะกันล้วนมีประโยชน์อย่างสูง

5. เราสื่อสารกับคนไม่เป็นคริสเตียนด้วยการเป็นพยาน — บอกเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระคริสต์ “ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า” (กิจการ4:12)

*เราจะไม่ขายหรือให้ข้อมูลการติดต่อ หรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ

“พระเยซู ทรงตอบเขาว่า ‘จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อใหญ่ และข้อต้น’ ” (มัทธิว 22:37-38)

การที่คุณรักพระเจ้ามากขึ้นจะทำให้คุณเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์

[พระเยซูตรัสว่า] “ผู้ใดที่มีบัญญัติของเรา และประพฤติตามบัญญัตินั้น ผู้นั้นแหละเป็นผู้ที่รักเรา และผู้ที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขา และจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา” (ยอห์น 14:21)

การที่เด็กจะเติบโตในความรักความผูกพันกับพ่อแม่เป็นเรื่องธรรมดาฉันใด การที่คุณจะเติบโตความรักความผูกพันกับพระเจ้าก็เป็นเรื่องธรรมดาฉันนั้น

คุณจะเติบโตในความสัมพันธ์กับพระเยซูได้อย่างไร?

การสื่อสารเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในความสัมพันธ์ทุกอย่าง การสื่อสารสี่ด้านจะช่วยคุณพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเยซู

1) พระเจ้าทรงสื่อสารกับเราผ่านทางพระคัมภีร์ ซึ่งเปิดเผยพระลักษณะและพระประสงค์ของพระองค์

“พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง” (2 ทิโมธี 3:16-17)

2) เราสื่อสารกับพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน ซึ่งเป็นการทูลพระองค์ถึงความคิด ความต้องการ และความปรารถนาที่จะทำตามพระประสงค์ของพระองค์

“อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์”(ฟีลิปปี 4:6-7)

“และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา และถ้าเรารู้ว่า พระองค์ทรงโปรดฟังเรา เมื่อเราทูลขอสิ่งใด ๆ เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่เราทูลขอนั้นจากพระองค์” (1 ยอห์น 5:14-15)

ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้บอกเราว่า เราสามารถอธิษฐานได้ทุกเรื่อง เมื่อเราอธิษฐานตามพระประสงค์ของพระเจ้า พระองค์ก็ทรงฟังเราและตอบเรา นอกจากนั้น การขอบพระคุณพระเจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งของการอธิษฐาน

“จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย”(1 เธสะโลนิกา 5:18)

“จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาสำหรับสิ่งสารพัดเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา” (เอเฟซัส 5:20)

3) เราสื่อสารกับคริสเตียนโดยการสามัคคีธรรม คือการหนุนใจและเสริมสร้างซึ่งกันและกัน

“และขอให้เราพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไร จึงจะปลุกใจซึ่งกันและกันให้มีความรักและทำความดี อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่นั้น แต่จงพูดหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว” (ฮีบรู 10:24-25)

การใช้เวลากับพี่น้องคริสเตียนเพื่อหนุนใจกันให้มีความรักและทำความดี นั้นเป็นสิ่งสำคัญ คำภาษากรีก koinonia ที่แปลว่าการสามัคคีธรรมนั้น หมายถึง “การแบ่งปันสิ่งที่มีอยู่ร่วมกัน” เราจำเป็นต้องแบ่งปันประสบการณ์คริสเตียนแก่คนอื่น ๆ ที่รักพระเจ้า และในทำนองเดียวกัน เราก็ต้องเปิดโอกาสให้เขาแบ่งปันแก่เรา พระเจ้าทรงแต่งตั้งคริสตจักรให้เป็นสถานที่ซึ่งเราจะได้พบปะพี่น้อง คริสเตียน และเรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้า การศึกษาพระคัมภีร์และการพบปะในลักษณะอื่น ๆ ก็มีประโยชน์เช่นกัน

4) เราสื่อสารกับคนอื่นซึ่งยังไม่รู้จักพระเจ้าเป็นส่วนตัว ด้วยการบอกเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเยซู

“ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”(กิจการ 4:12)

คำแนะนำสำหรับการเติบโตต่อไป

ให้คุณจัดเวลาและสถานที่ไว้สำหรับการศึกษาพระคัมภีร์และอธิษฐานส่วนตัว พระคัมภีร์ที่เหมาะสำหรับเริ่มต้นอ่านก็คือหนังสือยอห์นในพระคัมภีร์ใหม่ (ซึ่งมีอยู่ในเนื้อหาส่วนต่อไป) เมื่อคุณอ่าน ให้คุณขีดเส้นใต้ข้อที่คุณรู้สึกว่ามีความหมายเป็นพิเศษ ให้คุณอธิษฐานและทูลขอพระเจ้า ให้ทรงสำแดงแก่คุณว่า พระองค์ทรงเป็นใคร และคุณจะตอบสนองต่อพระองค์ได้อย่างไร

ให้คุณศึกษาพระคัมภีร์ตอนอื่น ๆ เช่นตอนที่อยู่ในบทนี้ นอกจากนั้นขอให้อ่านพระคัมภีร์สดุดีบทที่ 1, 34, 103 และ 145; มัทธิว 7:7-11; ลูกา 9:23-26; ยอห์น 15:1-7; 1 โครินธ์ 12:12-27; 2 โครินธ์ 5:17-21; และ โคโลสี 1:9-12

นี่คือจุดเริ่มต้นชีวิตคริสเตียนของคุณ และยังมีอะไรอีกมากที่คุณจะได้ค้นพบ มากยิ่งกว่าที่คุณได้เรียนไปในบทเรียนสี่บทนี้ ให้คุณเริ่มหาคริสตจักรในละแวกที่คุณอยู่ตั้งแต่วันนี้ และวางแผนที่จะไปร่วมนมัสการเป็นประจำ สำหรับหนังสือคริสเตียนและบทเรียนอื่น ๆ ขอให้คุณลองไปร้านหนังสือคริสเตียนใกล้ ๆ บ้าน หรือโทรศัพท์ไปที่ “CCC บุ๊คสโตร์” 02-276-5643

สรุป

เมื่อคุณพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อรับฤทธิ์เดช และเมื่อคุณอ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน ใช้เวลากับพี่น้องคริสเตียน และบอกคนอื่นเรื่องพระเยซู พระเจ้าก็จะทรงสร้างพระลักษณะของพระองค์ขึ้นในคุณ และคุณจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณ

คำถามอื่น ๆ ที่มีคนถามบ่อยเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตคริสเตียน

อีเมล์
คั่นหน้านี้
พิมพ์